This is default featured post 1 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.This theme is Bloggerized by Lasantha Bandara - Premiumbloggertemplates.com.

This is default featured post 2 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.This theme is Bloggerized by Lasantha Bandara - Premiumbloggertemplates.com.

This is default featured post 3 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.This theme is Bloggerized by Lasantha Bandara - Premiumbloggertemplates.com.

This is default featured post 4 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.This theme is Bloggerized by Lasantha Bandara - Premiumbloggertemplates.com.

This is default featured post 5 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.This theme is Bloggerized by Lasantha Bandara - Premiumbloggertemplates.com.

วันอังคารที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

แวะทักทาย

สวัสวดีค่ะท่านผู้รักสุขภาพ

ห่างหายกันไปนานกับข้อมูลสุขภาพ สำหรับท่านผู้รักสุขภาพทุกท่าน คงได้ลองปรับเปรียนการรับประทานน้ำและอาหารกันบ้างแล้วนะค่ะ เป็นวิธีการดูแลสุขภาพจากภายในค่ะ และปัจจุบันก็มีอาหารเสริมมากมาย ที่มาช่วยการดูแลสุขภาพจากภายในโดยไม่ต้องไปหาอาหารที่มีคุณประโยชน์เหล่านั้นให้ยากลำบากอีกต่อไป เพราะสังขารเป็นสิ่งไม่เที่ยง จะเปลี่ยนไปตามสภาพ เราจึงจำเป็นต้องดูแลสุขภาพกายของเรา นอกจากการท่านอาหารแล้วก็ยังมีการออกกำลังกายนะค่ะ ที่ทำให้สุขภาพกายแข็งแรง
การออกกำลังกายไม่เพียงแต่ช่วยให้ร่างกายแข็งแรงเท่านั้น แต่ยังช่่วยให้ระบบต่างๆ ในร่างกายตื่นตัว และสดชื่น ครั้งหน้าเรามาออกกำลังกายเพื่อสุขภาพกันนะค่ะ

วันเสาร์ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

อาหารกับกรุ๊ปเลือด

การกินอาหารนั้นเป็นสิ่งสำคัญในการดูแลสุขภาพ เรากินอะไรเข้าไปร่างกายเราก็ได้รับสิ่งเหล่านั้น เป็นของดีมีประโยชน์ต่อร่างกายก็เป็นคุณ เมื่อร่างกายไม่รับก็เป็นโทษ มันก็จะแสดงออกมาในรูปแบบของโรคภัยไข้เจ็บ   อาหารที่กินนั้น เราสามารถเลือกกินให้เหมาะสมได้จากหลายๆปัจจัย  วันนี้เราขอเสนอการเลือกกินอาหารให้เหมาะสมกับกรุ๊ปเลือดซึ่งเป็นวิธีหนึ่งในการดูแลสุขภาพกายค่ะ
เลือดกรุ๊ป โอ     
กรุ๊ปเลือดโอ
เป็นกรุ๊ปเลือดของมนุษย์ถ้ำหรือนักล่าสัตว์ (เป็นมนุษย์กลุ่มดึกดำบรรพ์และเชื่อว่าเป็นกรุ๊ปเลือดแรกที่เกิดขึ้นในโลก ต่อมาร่างกายเกิดการปรับตัวสู้กับเชื้อโรค จึงมีวิวัฒนาการเปลี่ยนแปลงเป็นกรุ๊บเอ, บี, เอบี ในเวลาต่อมา)
กรุ๊ปเลือดโอ เป็นกรุ๊ปเลือดของมนุษย์ถ้ำหรือนักล่าสัตว์ (เป็นมนุษย์กลุ่มดึกดำบรรพ์และเชื่อว่าเป็นกรุ๊ปเลือดแรกที่เกิดขึ้นในโลก ต่อมาร่างกายเกิดการปรับตัวสู้กับเชื้อโรค จึงมีวิวัฒนาการเปลี่ยนแปลงเป็นกรุ๊บเอ, บี, เอบี ในเวลาต่อมา)บุคคลเลือดกรุ๊ปโอนั้น มักเสี่ยงกับการเป็นโรคกระเพาะอาหาร เนื่องจากกระเพาะอาหารมีความเป็นกรดสูง แต่มีคุณสมบัติดีในการย่อยเนื้อสัตว์ดีมากเพราะมีความเป็นกรดสูง ทำให้ย่อยเร็วและดูดซึมดี และสามารถให้ประโยชน์สูงสุดต่อส่วนต่างๆของร่างกาย

กรุ๊ปโอ เป็นกรุ๊ปเลือดที่มีวิตามินมากพอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าอาจจะมีปัญหาบ้างที่จะเกี่ยวกับระบบ metabolism (การเผาผลาญเพื่อนำพลังงานไปใช้ในระบบร่างกาย) จึงควรรับประทานอาหารที่มีไวตามินบี   เช่น เนื้อ ตับ เซี่ยงจี๊ ไข่ 5ฟอง/อาทิตย์ ผลไม้ ผักใบเขียวและถั่ว ซึ่งเป็นชนิดที่เหมาะกับเลือดกรุ๊ปโอ หรือเสริมด้วย ไวตามิน บี-คอมเพล็กซ์

คนที่มีเลือดกรุ๊ปโอ ส่วนใหญ่จะมีปัญหาเลือดแข็งตัวช้า ดังนั้นจึงต้องเสริมสร้างวิตามิน เค ให้เลือดกรุ๊ปนี้ด้วยรับประทานตับ ไข่แดง  คะน้า สปินิช ผัก Swiss chard และควรหันมารับประทานแป้งสเปลท์แทนแป้งสาลี

และระบบย่อยของคนเลือดกรุ๊ปโอ ไม่รับแคลเซียมจากผลิตภัณฑ์นม จึงต้องหาแคลเซียมจากที่อื่นแทนซึ่งนั่นก็ได้แก่ ปลาซาร์ดีน หรือ ปลาแซลมอนกระป๋องทั้งก้าง บร็อคโคลี่ และผักcollard green 
สำหรับเด็ก ที่อายุ 2-5 ขวบ และ 9-16 ขวบ รวมทั้งผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนอาจต้องเพิ่มแคลเซียมเสริม 600-1,100 มิลลิกรัม และเพื่อเป็นการป้องกันการอักเสบในส่วนต่างๆของร่างกายด้วย

อาหารอีกชนิดที่คนเลือดกรุ๊ปจะต้องรับประทานคือ อาหารทะเล เพราะอาหารทะเลนั้นจะให้ไอโอดีน เป็นการเพิ่มผลิตฮอร์โมนไทรอยด์ซึ่งจะช่วยทำให้ควบคุมน้ำหนักของคนเลือดกรุ๊ปนี้ให้คงที่ เพราะถ้าหากไทรอยด์ไม่คงที่จะทำให้อ้วนได้ง่าย 
สำหรับอาหารที่ควรหลีกเลี่ยง ได้แก่ อาหารจากนม, กาแฟ, น้ำอัดลม, ชาดำ, แตงโม, แคนตาลูป, ข้าวโพด, ข้าวสาลี, ขนมปัง, ถั่วแดง, กะหล่ำปลีและกะหล่ำดอก โดยเฉพาะกะหล่ำปลีและกะหล่ำดอก เพราะมีสารที่ไปขัดขวางการทำงานของต่อมไทรอยด์ กลุ่มเลือดนี้จะมีระดับฮอร์โมนไทรอยด์ต่ำ จึงเสี่ยงต่อการเป็นโรคไทรอยด์ได้ง่าย
ผลไม้ที่รับประทานกับเลือดกรุ๊ปโอได้จะมีไม่กี่ชนิด เช่น พลับ พรุน และมะเดื่อ ผลไม้จำพวกนี้จะช่วยลดการละคายเคืองในกระเพาะอาหารได้

น้ำผลไม้ที่ดี คือ นำสับปะรด จะช่วยอุ้มน้ำของเซลในร่างกาย หรือน้ำแบลคเชอรี่ จัดว่าเป็นน้ำที่ดีกับเลือดกรุ๊ปโอมาก เพราะเป็น High alkaline juice ทำให้ลดการระคายเคืองของกระเพาะ

ส่วนถ้าเป็นการดื่มชาสมุนไพรนั้นก็มีชาบางชนิดที่เสริมกับกรุ๊ปเลือดได้ดี เช่น Licoria ช่วยในเรื่องของกระเพาะ ,Peppermint,Parsley,Rosehips,Sarsaparilla ช่วยลดความเครียด เป็นต้น
เลือดกรุ๊ป เอ
กรุ๊ปนี้จะเป็นกรุ๊ปทีมีความแตกต่างจากรุ๊ปโอ โดยสิ้นเชิง เพราะประชากรกรุ๊ปเอ นั้นจัดว่าเป็นพวกมังสวิรัติ ซึ่งมาจากระบบย่อยเป็นเหตุ

คนเลือดกรุ๊ปเอ จึงควรหลีกเลี่ยงไม่รับประทานเนื้อสัตว์ ทั้งนี้เพื่อลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและมะเร็ง ถ้าต้องการรับประทานเนื้อก็ให้เลือกที่จะรับประทานเนื้อไก่แทน เพราะไม่มัน

ควรระวังอาหารสำเร็จรูป เช่นไส้กรอกและแฮม เพราะมีไนไตรท์ ซึ่งกระตุ้นการเกิดมะเร็งในกระเพาะอาหาร อีกทั้งคนเลือดกรุ๊ปเอจะมีกรดในกระเพาะต่ำ

และเพื่อเป็นการต่อต้านมะเร็ง คนเลือดกรุ๊ปเอ จึงควรรับประทานวิตามิน ซี เพิ่มซึ่งเป็น antioxidants ช่วยในเรื่องของกรดในกระเพาะต่ำ   ส่วนในอาหารจะได้วิตามินซี จาก บร็อคโคลี่ผลไม้พวกเบอรี่ เกรฟฟรุต หรือส้มโอ สับปะรด เชอรี่และมะนาวฝรั่ง   

นอกจากนี้ยังควรที่จะรับประทานอาหารที่มีวิตามินอี สูง เพื่อป้องกันทั้งโรคหัวใจและมะเร็ง วิตามินอีนี้จะมีอยู่ในน้ำมันพืช ธัญพืช ถั่งลิสงและผักใบเขียว  รวมถึงควรรับประทาน อาหารเพื่อสร้างระบบคุ้มกันด้วย ซึ่งอาหารพวกนี้จะเป็นอาหารที่มีวิตามิน บี มากๆเช่น ธัญพืชขัดสี ปลา และไข่

ส่วนเรื่องของแคลเซียมนั้น ถ้าเป็นการดื่มนม คนเลือดกรุ๊ปเอ ไม่ค่อยจะเหมาะกับการดื่มนมซักเท่าไหร่ แต่ก็ยังดื่มได้มากกว่า คนที่มีเลือดกรุ๊ปโอ แคลเซียมที่เลือดกรุ๊ปเอจะได้นั้น ส่วนใหญ่มาจากโยเกิร์ตไขมันต่ำ นมถั่วเหลือง ไข่ นมแพะ ปลาแซลมอนและปลาซาร์ดีนทั้งก้าง(กระป๋อง) บร็อคโคลี่และสปินิช

การไม่กินเนื้อสัตว์ของคนเลือดกรุ๊ปเอ จะทำให้ขาดธาตุเหล็กจึงควรรับประทานข้างกล้อง ถั่วมะเดื่อ และน้ำตาลโมแลสซิส(สีดำที่เอามาทำซีอิ๊วดำหวาน) ประกอบด้วย

กรุ๊ปเอ ควรรับประทานผลไม้วันละ 3 เวลา ควรเน้นไปที่ Alkaline fruit เช่นแบรี่และผลพลัม (ผลไม้ที่มีความเป็นกลางของกรด) จะช่วยความเป็นกลางในการสร้างกรดในกล้ามเนื้อ  ควรเลี่ยงแตงโม แคนตาลูป และผลไม้เมืองร้อนเช่น มะม่วง มะละกอ กล้วย เพราะทำให้อาหารไม่ย่อย สับปะรด ส้มโอ มะนาวจะช่วยย่อยดีมาก รวมถึงมะนาวยังจะช่วยละลายเสมหะในระบบของเลือดกรุ๊ปเอ ดังนั้นทุกเช้าควรดื่มน้ำอุ่นที่ผสมมะนาวครึ่งลูก
เลือดกรุ๊ปบี
คนเลือดกรุ๊ปนี้จัดอยู่ในพวกสมดุล เพราะเป็นเลือดเพียงกรุ๊ปเดียวที่สามารถรับประทานอาหารนม เนย ไข่ ได้อย่างเต็มที่

แต่โปรตีนชนิดที่เลือดกรุ๊ปบี รับประทานแล้วเป็นผลร้ายมากที่สุดคือ ไก่  Lectin ในเนื้ออกไก่จะรบกวนระบบและนำไปสู่อาการเส้นเลือดแตกหรือตีบในสมอง รวมถึงโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง จึงควรรับประทานไก่งวงแทน

คนเลือดกรุ๊ปบี ควรจะรับประทานปลาน้ำลึก เช่นปลาหิมะ และปลาเนื้อขาว เช่น ปลาจะระเม็ด ปลาตาเดียว

ร่างกายของเลือดกรุ๊ปบีจะตอบสนองต่อน้ำมันโอลีฟดีมาก ควรทานไม่น้อยกว่าวันละ 1 ช้อนโต๊ะ ส่วนข้าวโอ๊ตกับข้าวกล้องนั้นจะมีประโยชน์ต่อกรุ๊ปบีเช่นเดียวกัน

ถั่วต่างๆไม่ดีนักต่อเลือดกรุ๊ปบี โดยเฉพาะถั่วลิสง งา และเม็ดทานตะวัน ซึ่งมี Lectinที่รบกวนระบบสร้างอินซูริน สิ่งนี้มีผลร้ายทำให้เกิดการเจ็บป่วยได้มากในคนที่มีเลือดกรุ๊ปนี้

ถั่วแดงหลวง  และถั่วเหลืองทานได้แต่อย่ามากนัก เพราะพืชตระกูลถั่วและนัท อื่นๆ จะมีแนวโน้มทำให้เกิดโรค น้ำตาลในเลือดลดกะทันหัน

คนเลือดกรุ๊ปบีสามารถเลือกรับประทานผักได้เกือบทั้งหมด เว้นอยู่ไม่กี่ชนิดเช่น มะเขือเทศ ข้าวโพด  เลือดกรุ๊ปบีนั้น มักจะมีปัญหาเกี่ยวกับไวรัสและภูมิคุ้มกันบกพร่อง จึงควรรับประทานผักใบเขียวมากๆเพราะมีแมกนีเซียมซึ่งช่วยป้องกันโรคผื่นคันในเด็ก ส่วนผลไม้นั้นก็สามารถรับประทานได้แทบทุกชนิด เพราะมีระบบย่อยที่สมดุล มีเพียงลูกพลับ ทับทิม และลูกแพร์ที่ควรเลี่ยง  คนเลือดกรุ๊ปบีควรรับประทานผลไม้ที่มีผลต่อเลือด 2-3 ครั้งต่อวัน จะไห้ผลดีในการรักษาโรคและลดความเจ็บป่วยด้วย
เลือดกรุ๊ป เอบี
การรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพดีเยี่ยมของเลือดกรุ๊ปนี้ค่อนข้างจะซับซ้อน เพราะเป็นส่วนผสมของทั้งกรุ๊ปเลือด เอ และบี  อาหารที่ดีต่อกรุ๊ป เอ และบี ก็ดีต่อ กรุ๊ปเอบี ด้วย  แต่ต้องหลีกเลี่ยงอาหารต้องห้ามอย่างจริงจัง  อาหารมังสวิรัติจะให้ผลดีต่อร่างกาย ผลิตภัณฑ์นมและไข่ รับประทานได้แต่ไม่มาก โปรตีนที่เหมาะสมจะได้จากอาหารทะเล เต้าหู้ เนื้อแดง แกะ กวาง และกระต่าย ซึ่งควรรับประทานครั้งละน้อยๆจึงจะย่อยได้ดี เพราะกระเพาะของคนเลือดกรุ๊ป เอบี ไม่ผลิตน้ำย่อยเพียงพอที่จะย่อยโปรตีนที่มากเกินไป

ไม่ควรรับประทานปลาเนื้อขาวและแซลมอนรมควัน ควรรับประทานหอยทากเพราะมี Lectin ที่ต้านมะเร็งเต้านม แม้เลือดกรุ๊ปเอบี จะรับประทาน นม เนย ไข่ ได้คล้ายกรุ๊ปบี แต่โยเกิร์ตและครีมเปรี้ยวจะย่อยได้ง่ายกว่า  หากมีเสมหะและมีปัญหาไซนัสอักเสบและหูอื้อ ควรงดอาหารที่ผลิตจาก นม เนย ไข่

ไข่ เป็นแหล่งอาหารที่ดีต่อเลือดกรุ๊ปนี้  แต่ควรใช้ประกอบอาหารในอัตราส่วน ไข่ขาว2ฟองต่อ ไข่แดง 1 ฟอง

ส่วนน้ำมันนั้นควรจะใช้นำมันมะกอกอย่างเดียว เพราะเป็นน้ำมันเพียงชนิดเดียวที่ให้ผลดีกับเลือดกรุ๊ปเอบี

ถั่ว กับเลือดกรุ๊ปเอบีนั้น มีเพียงสามชนิดที่ให้คุณ ซึ่งได้แก่ ถั่งลิสง จะช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน แต่ถ้าเป็นโรคเกี่ยวกับถุงน้ำดี ก็ไม่ควรรับประทานถั่วเม็ด แต่ให้เปลี่ยนเป็นเนยถั่ว  ถั่วชนิดที่สองและสามคือ ถั่วเลนทิลและถั่วเหลือง  เพราะเป็นอาหารป้องกันมะเร็งที่สำคัญมาต่อกรุ๊ปเลือด เอบี

อาหารประเภทข้าวและแป้ง เช่น ข้าว ข้าวโอ๊ต และข้าวไรย์ มีประโยชน์แต่ระวังการรับประทานอาหารประเภทแป้งข้าวโพด หากต้องการลดเสมหะควรรับประทานไม่เกิน 1-2 ครั้งต่ออาทิตย์

คนเลือดกรุ๊ป เอบี จะมีระบบภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอ จึงควรรับประทานผักสดมากๆเพราะเป็นอาหารสำคัญในการป้องกันมะเร็งและโรคหัวใจ ซึ่งเกิดได้ง่ายในกรุ๊ปเอบี

ส่วนเรื่องของผลไม้นั้น คนเลือดกรุ๊ปนี้จะสามารถรับประทานผลไม้ได้ดีเพียงบางอย่าง เช่น องุ่น พลัม และแบรี่ เพราะเป็นผลไม้ที่มีกรดเป็นกลาง ช่วยสร้างความสมดุลให้เนื้อเยื่อ อันเนื่องมาจากการบริโภคแป้งและข้าว

เรื่องของการรับประทานอาหารตามกรุ๊ปเลือด ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีในการดูแลสุขภาพที่พัฒนาขึ้นมาใหม่ เพื่อรักษาสมดุลของร่ายกายและแก้ปัญหาเรื่องการเกิดโรคภัยต่างๆ ลองนำไปปรับใช้กับชีวิตประจำวันดูนะค่ะ

วันพฤหัสบดีที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

อาหารเพื่อสุขภาพ ตอน : การเลือกรับประทานอาหารตามวัย

ในช่วงอายุที่ต่างกัน ความต้องการอาหารเพื่อบำรุงร่างกายก็ต่างกันไปด้วย ตามการพัฒนาการของร่างกาย และลักษณกะการดำเนินชีวิต จึงควรเลือกรับประทานอาหารให้เหมาะสมตามช่วงวัย ซึ่งเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยให้สุขภาพดีได้  วันนี้จึงขอเสนอเรื่องราวของการเลือกรับประทานอาหารตามช่วงอายุ  ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่คุณต้องใส่ใจ


ช่วงอายุ 20-29 ปี
สภาพร่างกายและผิวพรรณ : เป็นช่วงที่ร่างกายมีการพัฒนาและเติบโตเต็มที่ ผิวพรรณจะยังดูสดใส อวัยวะต่างๆของร่างกายก็ยังคงกระฉับกระเฉง เป็นวัยที่ใช้ชีวิตอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ยิ่งมีการเคลื่อนไหวในชีวิตประจำวันมากเท่าไร ร่างกายก็ยิ่งเผาผลาญและใช้พลังงานมากขึ้น
อาหารที่เหมาะสม  : เลือกรับประทานอาหารจำพวกเนื้อสัตว์และถั่วต่างๆ รวมถึงข้าวและแป้งมากเป็นอันดับหนึ่ง ตามด้วยผักผลไม้เป็นอันดับสอง ส่วนนมและอาหารทดแทนแคลเซียมต่างๆ เช่น เต้าหู้ ปลาเล็กปลาน้อย นมถั่วเหลืองเสริมแคลเซียม ตามมาเป็นอันดับสาม และให้ความสำคัญของไขมันเป็นอันดับสุดท้าย ปลาเป็นอาหารสมองที่ช่วยรักษาผนังเซลล์ประสาทในสมองให้แข็งแรง ไม่หลงลืมอะไรง่ายๆ ผักสีเขียวอย่างผักบุ้ง ผักกระเฉด ผักคะน้า ถั่วฝักยาว ช่วยบำรุงสายตา สร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง ผักผลไม้สีเหลืองอย่างกล้วยหอมก็ถือเป็นผลไม้คลายเครียดชนิดหนึ่ง

ช่วงอายุ 30-39 ปี
สภาพร่างกายและผิวพรรณ : หลายๆคนเริ่มตกใจกลัว สัญญาณของความร่วงโรยจะค่อยๆ เริ่มขึ้น เพราะผิวจะเริ่มมีรอยย่นบางๆ ทอดยาวบริเวณหน้าผาก มีริ้วรอยเล็กๆ ใต้ขอบตาล่าง และหางตา จะเห็นชัดเวลายิ้ม และมีรอยย่นตรงระหว่างคิ้ว ซึ่งจะเห็นชัดเวลานิ่วหน้า มีริ้วรอยบางๆ ที่ร่องแก้มจากจมูกจนถึงเหนือริมฝีปาก อาจเกิดไฝ กระ ฝ้า ทั้งแบบลึกและตื้น ขนาดของรูขุมขนจะเห็นชัดขึ้นแต่การรู้จักเลือกรับประทานจะทำให้ผู้อื่นไม่สามารถเดาอายุคุณจากรูปร่างหน้าตาได้เลย
อาหารที่เหมาะสม  : ในช่วงเริ่มวัยผู้ใหญ่ความต้องการพลังงานยังคงอยู่ เพราะเป็นช่วงชีวิตของการทำงาน แต่ต้องเพิ่มความระมัดระวังในเรื่องของไขมันและโคเลสเตอรอลที่จะส่งผลกระทบกับรูปร่างหน้าตาภายนอกที่เห็นการเปลี่ยนแปลงได้ชัดเจน นอกจากนี้ยังส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายในอนาคตด้วย เพราะการรับประทานอาหารที่มีไขมันหรือโคเลสเตอรอลสูง เช่น หมูสามชั้น เนยแข็ง กะทิ เนยเทียม เป็นต้น จะสร้างปัญหาให้หลอดเลือดและหัวใจ แต่คุณสามารถเลือกรับประทานอาหารที่ช่วยลดไขมันและโคเลสเตอรอล เช่น ปลาทะเล ช่วยลดความดันโลหิต พวกถั่วเมล็ดแห้งอย่างถั่วแดง ถั่วเขียว ถั่วเหลือง ช่วยลดความเสี่ยงจากโรคหัวใจ และมีโปรตีนสูงเพื่อให้พลังงานแทนสัตว์ใหญ่ได้อีก อาหารจำพวกข้าว ธัญพืชไม่ขัดสี อย่างข้าวซ้อมมือ ขนมปังโฮลวีท มีใยอาหารสูง ช่วยให้อิ่มท้องนานและส่งผลดีต่อระบบลำไส้

ช่วงอายุ 40-49 ปี
สภาพร่างกายและผิวพรรณ :  เนื่องจากสภาพร่างกายเริ่มเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะผู้หญิงสภาพผิวเสื่อมมากขึ้น ทำให้เกิดรอยย่นบริเวณหน้าผาก ระหว่างคิ้ว ใต้ขอบตาล่าง และหางตาเห็นชัดเจนมากขึ้น รอยย่นข้างแก้ม และร่องแก้มลึกทอดยาวไปจนจดมุมปาก เกิดฝ้าชนิดลึกมากขึ้น สภาพผิวเริ่มแห้ง มีรูขุมขนใหญ่และเริ่มจะเป็นสิวอีกครั้ง เริ่มมีติ่งเนื้อขึ้นกระจัดกระจายเป็นตุ่มเล็กๆ สีน้ำตาล หรือที่เรียกว่า "ตกกระ" ส่วนผู้ชายวัยนี้ก็จะเริ่มมีโรคต่างๆที่ไม่เคยออกอาการ ซึ่งเรียกกันว่าเป็น “วิถีทางธรรมชาติ” แต่ทั้งนี้การชะลอวัยหรือป้องกันโรคต่างๆที่มากับวัยไม่ได้ยุ่งยากเกินกว่าที่เราจะทำได้
อาหารที่เหมาะสม  : สำหรับช่วงวัยนี้ความต้องการพลังงานจะลดลง แต่ความต้องการแคลเซียมและวิตามินต่างๆเพิ่มขึ้น ซึ่งจะได้รับจากผักผลไม้ที่มีกากใยอาหารสูง แล้วยังมีสารต้านอนุมูลอิสระอย่างวิตามินซีจากอาหารที่หารับประทานได้ง่าย เช่น ส้ม ฝรั่ง มะเขือเทศ แคนตาลูป ส่วนอาหารที่มีวิตามินอี ได้แก่ น้ำมันพืช เนยถั่ว ถั่วลิสง อัลมอนด์ นอกจากนี้ควรรับประทานเต้าหู้ โปรตีนไขมันต่ำ ซึ่งให้แคลเซียมมากกว่าเนื้อสัตว์อย่างอื่น และควรหลีกเลี่ยงอาหารที่เป็นตัวเร่งความแก่ให้เร็วขึ้น เช่น อาหารไขมันสูงประเภททอดกรอบหรือผัดน้ำมันมากๆ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และเครื่องดื่มกาเฟอีนทั้งหลาย

ช่วงอายุ 50 ปีขึ้นไป
สภาพร่างกายและผิวพรรณ :  คุณควรเข้าใจการทำงานของร่างกายที่มีประสิทธิภาพลดลง ผิวพรรณจะมีสภาพเหมือนกับวัย 40-49 ปี แต่จะมีรอยย่นตามร่องแก้มลึก ทอดยาวไปจนถึงบริเวณใต้มุมปาก มีฝ้าเกิดขึ้น และติ่งเนื้อมีขนาดใหญ่ขึ้น สำหรับอายุ 65 ปีขึ้นไป ผิวหนังหยาบกร้าน มีริ้วรอยทั่วหน้า ริมฝีปากบาง มีรอยย่นเหนือริมฝีปาก ด้านร่างกายโดยเฉพาะระบบการย่อยการดูดซึมอาหาร ทำให้ร่างกายขาดสารอาหาร วัยนี้จะพบปัญหากระดูกเปราะ กระดูกพรุนอย่างชัดเจน
อาหารที่เหมาะสม  : ควรดื่มน้ำให้สม่ำเสมอ อย่างน้อยวันละ 8-12 แก้ว เพราะอายุช่วงนี้จะไม่ค่อยรู้สึกกระหายน้ำเท่าไรนัก เพื่อป้องกันการขาดน้ำโดยไม่รู้ตัว ควรรับประทานคาร์โบไฮเดรตให้น้อยลงและพยายามเลือกชนิดไม่ขัดสี เน้นอาหารจำพวกปลาเพื่อไม่ให้ขาดโปรตีน ที่สำคัญคือเป็นเนื้อสัตว์ที่ย่อยง่าย และควรได้รับแคลเซียมอย่างเพียงพอ อาหารแคลเซียมสูงอยู่ในนม โยเกิร์ตชนิดครีม เนยแข็ง หรือแม้แต่ปลาตัวเล็กตัวน้อย พวกผักใบเขียวก็มี เช่น คะน้า กวางตุ้ง และบรอกโคลี จะช่วยลดปัญหาเรื่องกระดูกให้รุนแรงน้อยลง การแก้ไขภาวะขาดน้ำอาจให้ดื่มน้ำสมุนไพร เช่น กระเจี๊ยบ เก๊กฮวย น้ำใบเตย นอกเหนือจากน้ำเปล่า เพราะช่วยบรรเทาโรคบางอย่างและให้ประโยชน์กว่าการดื่มเครื่องดื่มที่มีกาเฟอีน

          สิ่งสำคัญไม่ว่าคุณจะอยู่ในช่วงวัยใดควรดูแลเรื่องการกินอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นโรคหรือไม่ก็ตาม เพราะคนส่วนใหญ่มักจะดูแลตัวเองเมื่อพบว่าตัวเองมีโรคหรือมีปัญหาสุขภาพแล้วเท่านั้น นอกจากนี้การเพิ่มกิจกรรมเคลื่อนไหวระหว่างวันให้มากขึ้น จะช่วยให้สุขภาพดียิ่งขึ้น เพราะจะช่วยระบบการไหลเวียนเลือด ควบคุมน้ำหนักตัว และลดความเครียดของร่างกายได้ค่ะ

วันพุธที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

พืชผักสมุนไพร (อาหารเพื่อสุขภาพ) (ต่อ)



พืชผักสมุนไพร(อาหารเพื่อสุขภาพ) ยังคงมีอีกมากมายหลายชนิด จากที่นำเสนอไปแล้ว ซึ่งล้วนแต่มีประโยชน์มากมาย ทั้งในเรื่องการบำรุงร่างกาย การรักษาโรค ซึ่งเป็นตัวยาชั้นเลิศที่ไม่ควรมองข้าม  ในปัจจุบันพืชผักสมุนไพรเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในหลายๆ กลุ่มบุคคล โดยเฉพาะกลุ่มคนรักสุขภาพ ฉะนั้นวันนี้เรามารู้จักพืชผักสมุนไพรเพิ่มกันนะค่ะ

บร็อคโคลี่ จัดเป็นพืชผักสมุนไพรที่นำพันธุ์มาจากต่างประเทศ ให้ฟอสฟอรัส  แคลเซียม และมีวิตตามินซี
บวบ จัดเป็นพืชผักสมุนไพรพื้นบ้านอีกชนิดหนึ่ง ที่ ให้คุณค่าทางอาหาร มีฟอสฟอรัส และแร่ธาตุ
สรรพคุณ ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟัน มีธาตุเหล็ก ช่วยสร้างเม็ดเลือด
ใบบัวบก(Indian  pennywort)
จัดเป็นพืชผักสมุนไพรพื้นบ้านอีกชนิดหนึ่ง ที่ ให้คุณค่าและสรรพคุณ บำรุงหัวใจ ลดอาการแพ้ ลดความดันโลหิต แก้ช้ำใน มีแคลเซียม และเบต้า แคโรทีน มีวิตตามิน บี 1 สูงช่วยบำรุงสมองและความจำ บำรุงผิวพรรณ ลดอาการอักเสบ
ใบแมงลัก(Hairy  basil)
จัดเป็นพืชผักสมุนไพรพื้นบ้านอีกชนิดหนึ่ง ที่ ให้คุณค่าและมีสรรพคุณ ป้องกันโรคมะเร็งช่วยย่อยอาหาร ช่วยระบบการขับถ่าย ป้องกันเลือดออกตามไรฟัน ขับลม ขับเหงื่อ

ปวยเล้ง จัดเป็นพืชผักสมุนไพรที่มีคุณค่าทางอาหาร ทางสมุนไพรมี สรรพคุณ ช่วยให้สายตาดี ผิวพรรณผุดผ่อง ป้องกันโรคมะเร็ง
ผักกระเฉด(Water mimosa)
จัดเป็นพืชผักสมุนไพรพื้นบ้านอีกชนิดหนึ่ง ที่ ให้วิตตามิน บี วิตตามีน ซี เบต้า แคโรทีน ให้  แคลเซียม ช่วยดับพิษไข้ กากใยช่วยระบบขับของเสีย เพิ่มการเผาผลาญสารอาหาร 
ผักกาดขาว(Chinese white cabbage)
จัดเป็นพืชผักที่มีคุณสมบัติทางสมุนไพร สรรพคุณ มี โฟเล็ต สูง ช่วยให้ระยะการตั้งครรภ์ ในระยะสามเดือนแรก ช่วยขับปัสสาวะ แก้ไอ ขับเสมหะ ช่วยระบบ ขับถ่ายและระบบการย่อยอาหาร
ผักกาดหอม จัดเป็นพืชผักสวยงาม นิยมใช้ปรุงอาหารและรับประทานสด ๆ สรรพคุณทางสมุนไพร ช่วยให้แม่มีน้ำนมเลี้ยงลูก ลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็ง
ผักกาดหัว(Chinese radish) จัดเป็นพืชผักสมุนไพรพื้นบ้านที่ช่วยบรรเทาอาการไอ ขับเสมหะ เพิ่มภูมิต้านทางโรค มีสารช่วยให้กระเพาะอาหารและลำไส้บีบตัวได้ดี
ผักกูด จัดเป็นพืชผักสมุนไพร ประเภทเฟริ์นชนิดหนึ่ง อุดมไปด้วย ธาตุเหล็ก และ เบต้า แคโรทีน
ผักโขม จัดเป็นพืชผักสมุนไพรพื้นบ้านที่มีคุณสมบัติ เป็นผักใบเขียว ที่สามารถเปลี่ยนเบต้า แคโรทีน ในตัวของมันเองให้เป็น วิตตามิน เอ สรรพคุณ ช่วย ป้องกันโรคมะเร็ง และโรคหัวใจขาดเลือดนอกจากนี้ ยังให้สารฟอสฟอรัสและแคลเซี่ยม
ผักชี(Chinese  paraley)
จัดเป็นพืชผักสวยงาม นิยมใช้ปรุงอาหารและรับประทานสด ๆ สรรพคุณทางสมุนไพร ช่วยการสร้างเม็ดเลือดมีแคลเซี่ยมและ ฟอสฟอรัส สูง มีธาตุเหล็ขับลม บำรุงธาตุ ช่วยย่อยอาหาร มีน้ำมันหอมระเหย แก้หวัด มีวิตามินเอและซีสูง
ผักบุ้ง(Water spinach)จัดเป็นพืชผักสมุนไพรที่หาได้ง่าย มีสรรพคุณ ช่วยให้ดวงตามีน้ำหล่อเลี้ยง มีเบต้าแคโรทีน และ สามารถเปลี่ยนเป็น วิตตามีน เอ บำรุงสายตา มีธาตุเหล็กบำรุงเลือด มีแคลเซี่ยมและ ฟอสฟอรัส ช่วยบำรุงกระดูกและฟันลดน้ำตาลในกระแสเลือด
ผักเสี้ยนจัดเป็นพืชผักสมุนไพรพื้นบ้านที่มีคุณสมบัติ เป็นผักใบเขียว ที่สามารถเปลี่ยนเบต้า แคโรทีน ในตัวของมันเองให้เป็น วิตตามินเอ สรรพคุณ ช่วย รักษาอาการปวดเมื่อย ตามเนื้อตามตัว ขับเสมหะและ ฆ่าพยาธิ และอาการระดูเน่าด้วย
พริก (Chilli) จัดเป็นพืชผักสมุนไพรพื้นบ้านที่มีแคปไซซินกระตุ้นการขยายตัวของหลอดเลือด ช่วยให้เจริญอาหาร ขับเหงื่อ
มะเขือเทศ(Tomato) จัดเป็นพืชผักสมุนไพรพื้นบ้านที่มีวิตามินเอสูง วิตามินซี รสเปรี้ยว ช่วยกระตุ้นน้ำย่อย และแก้อาการคอแห้ง
มะเขือพวง(Plate brush eggplant) จัดเป็นพืชผักสมุนไพรพื้นบ้านที่ช่วยให้เจริญอาหารและช่วยลดความดันเลือด มีแคลเซียม และฟอสฟอรัส

มะระ(Chinese bitter cucumber) จัดเป็นพืชผักสมุนไพรพื้นบ้านที่มีแคลเซียม ฟอสฟอรัส เป็นยาระบายอ่อน ๆ น้ำคั้นลดระดับน้ำตาลในเลือด
สะเดา(Neem  tree) จัดเป็นพืชผักสมุนไพรพื้นบ้านที่มีเบต้าแคโรทีนสูง  บำรุงสายตา  เสริมระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้นอนหลับ
สะระแหน่(Kitchen mint) จัดเป็นพืชผักสมุนไพรพื้นบ้านที่มีกลิ่นหอมเย็นของใบให้ความสดชื่น ทำให้ความคิดแจ่มใส แก้ปวดหัว
หอมหัวใหญ่(Onion) จัดเป็นพืชผักสมุนไพรพื้นบ้านที่มีสารฟลาโวนอยด์ ช่วยลดอาการของโรคหัวใจ ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
หัวปลี(Banana  flower) จัดเป็นพืชผักสมุนไพรพื้นบ้านที่มีรสฝาด แก้ร้อนใน กระหายน้ำ และบำรุงน้ำนม มีกากใย โปรตีน และวิตามินซีสูง
เห็ด (Mushroom) จัดเป็นพืชผักสมุนไพรพื้นบ้านที่มีแคลอรีน้อย ไขมันต่ำ มีวิตามินดีสูง ช่วยในการดูดซึมแคลเซียม เสริมกระดูกและฟัน
โหระพา(Sweet  basil) จัดเป็นพืชผักสมุนไพรพื้นบ้านที่มีน้ำมันหอมระเหย ช่วยทำให้โล่งจมูก ช่วยระบายลม มีเบต้าแคโรทีน แคลเซียม
 เป็นไงบ้างค่ะสำหรับพืชผักสมุนไพร (อาหารเพื่อสุขภาพ) ที่นำมาเสนอในวันนี้  รู้ถึงสรรพคุณของพืชผักสมุนไพรกันไปแล้ว  แต่นี่ก็เป็นแค่ส่วนน้อยเองค่ะ  แต่พอดูๆแล้วพืชผักทุกอย่างในโลกนี้ก็น่าที่จะเป็นสมุนไพรด้วยกันทั้งนั้น ก็ไม่น่าคิดมากสำหรับเมนูผักในสำหรับทุกๆมื้อ  แต่ก็ต้องระวังอันตรายที่จะมากับพืชผักพวกนี้ด้วยนะค่ะ เช่น อันตรายจากยาฆ่าแมลง หรืออันตรายจากสารเคมีตกค้างต่างๆ เป็นต้น  ฉะนั้น ล้างผักให้สะอาดก่อนนำมาปรุงอาหารนะค่ะ พืชผักบางอย่างปลูกเองได้ทั้งข้างบ้าน และริมรั่ว ก็ลองหาที่ว่างๆ ปลูกกันดูนะค่ะ ปลอดภัยดี ขอให้สุขภาพดีจงเกิดกับทุกท่านค่ะ

Delete this element to display blogger navbar

Twitter Delicious Facebook Digg Stumbleupon Favorites More